| สมัยสุโขทัย ประมาณ ค.ศ.1300 – 1500 (พ.ศ.1503 – 1822) 
            เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาประเภทสโตนแวร์ (Stoneware) เคลือบสีเขียวไข่กา 
            ซึ่งเราเรียกเครื่องปั้นดินเผาเคลือบโทนสีเขียวนี้ว่า “เครื่องสังคโลก” 
            เรียกชื่อตามแหล่งเตาเผาที่ผลิตในประวัติศาสตร์ อยู่ที่ อ. สวรรคโลก 
            จ.สุโขทัย 
 ฝรั่งนิยมเรียกเครื่องสังคโลกว่า ผลิตภัณฑ์เซลาดอน (Celadon) ตามภาษาฝรั่งเศส 
            เครื่องถ้วย เซลาดอนนี้ มีต้นกำเนิดมาจากจีน ถ้าก้นถ้วยมีตราเป็นภาษาจีน 
            แสดงว่าผลิตมาจากจีน แต่ถ้าก้นถ้วยมีอักษรไทย แสดงว่าผลิตในเมืองไทย
 
 สุโขทัยเป็นแหล่งผลิตเครื่องสังคโลกของไทยมาต่อเนื่องนานกว่า 200 ปี 
            ดังได้พบซากเตาเผาเก่าที่ ต.บ้านเกาะน้อย และ ต.ป่ายาง จำนวนหลายร้อยเตา 
            ผลิตเป็นสินค้าส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ได้พบชิ้นงานเครื่องเคลือบเซลาดอนชิ้นงาม 
            ๆ ที่มีความสมบูรณ์ที่อินโดนีเซีย ชวา สุมาตรา มะละกา ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น 
            ตามเส้นทางการเดินเรือติดต่อค้าขาย
 
 ในปลายสมัยสุโขทัย บ้านเมืองอ่อนแอ เกิดศึกสงครามบ่อยครั้ง และได้ย้ายไปตั้งเมืองหลวงใหม่ที่ 
            กรุงศรีอยุธยา จึงไม่มีการทำเซลาดอนต่อ
 
 สมัยอยุธยา ประมาณปี ค.ศ.1550 – 1750 (พ.ศ.2100 – 2310) ได้มีการสั่งผลิตภัณฑ์พอร์ตสเลน 
            (Porcelain) จากจีนเข้ามาใช้ในราชสำนักจำนวนมาก ซึ่งเป็นเครื่องปั้นดินเผาเนื้อขาวกึ่งแก้ว 
            ทำมาจากมณฑลเจียงซี ประเทศจีน ไทยเรียกว่าเครื่องกังไส หรือเครื่องลายคราม 
            คนส่วนใหญ่หันไปนิยมเครื่องกังไสแทนเซลาดอน
 |  | ในจังหวัดเชียงใหม่ แต่เดิมมีการผลิตเครื่องปั้นดินเผาอุณหภูมิต่ำ 
            ประเภทคนโท หม้อน้ำ อ่าง และกระถาง เป็นต้น เป็นผลิตภัณฑ์ดินแดง Terra 
            Cotta ไม่เคลือบ ต่อมาประมาณปี ค.ศ.1950 (พ.ศ.2480) เริ่มมีชาวไทยใหญ่จากรัฐฉาน 
            ประเทศพม่า อพยพมาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดเชียงใหม่มากขึ้น มีการตั้งเตาฟืนหลายเตาที่บริเวณตลาดประตูช้างเผือก 
            โดยใช้เคลือบขี้เถ้าไม้เผาที่อุณหภูมิสูง ผลิตหม้อแช่ ข้าวนึ่ง กระถาง 
            ขารอง ตู้กับข้าว ซึ่งเป็นสินค้าที่ใช้ในท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเป็นเนื้อดินสโตนแวร์เคลือบสีเขียวเซลาดอน 
 ต่อมาผลิตภัณฑ์เซลาดอนก็ได้มีการออกแบบหลากหลายขึ้น เมื่อมีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของโรงงานเซลาดอนในจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกแบบเป็นชุดอาหาร 
            แจกัน และของแต่งบ้านอื่น ๆ ซึ่งต่อมาเมื่อเซลาดอนเป็นที่นิยมของตลาดมากขึ้น 
            ได้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง มีการผลิตที่หลากหลาย จนมีเตาเผาที่ผลิตเซลาดอนที่มีชื่อเสียงหลายเตาเกิดขึ้นในเชียงใหม่ 
            ซึ่งส่วนใหญ่ยังผลิตแบบดั้งเดิมโดยใช้ฝีมือแรงงาน ใช้เครื่องจักรในการผลิตน้อย 
            น้ำเคลือบใช้สูตรโบราณจากขี้เถ้าไม้ยืนต้น จากไม้ก่อและ ไม้รกฟ้า
 
 จึงถือได้ว่า เชียงใหม่ เป็นแหล่งผลิตเซลาดอนแบบดั้งเดิม ที่อนุรักษ์ความงามของศิลปะสมัยสุโขทัยไว้ 
            และมีการผลิตอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 70 ปี จนถึงปัจจุบัน
 
 ที่มา: นางสาวไพจิตร อิ่งศิริวัฒน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา, 
            กุมภาพันธ์ 2552
 |